เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์หลังจากยุคท่านศาสดามุฮัมหมัด (ศ็อลฯ) แล้ว จะเกิดคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่า เหตุใดอิมามอาลี (อ.) จึงย้ายศูนย์การปกครองจากเมืองมะดีนะฮ์ไปยังเมืองกูฟะฮ์?
สาเหตุที่อิมามอาลี (อ.) เข้าสู่เมืองกูฟะฮ์
ก. เพื่อเผชิญกับพวกนากิษีน: หลังจากที่อิมามอาลี (อ.) ขึ้นปกครองประมาณ 5 ปี นั้น มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายทั้งในมักกะฮ์ มะดีนะฮ์ ชามและอิรัก ดินแดนการปกครองขยายกว้างออกไปตั้งแต่เมืองชามจรดเยเมน จากอียิปต์จรดฮิญาซ อิรักและอิหร่านบางส่วน จากเหตุการณ์การลอบสังหารท่านอุษมานมุอาวิยะฮ์ใช้กลอุบายยั่วยุให้บางคนเช่นฏอลหะฮ์และซุเบรแม้แต่ภริยาท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เองก็หลงกลทำสงครามญะมัลขึ้นในเมืองบัศเราะฮ์
ขณะนั้นอิมามอาลี (อ.) ประจำการอยู่ที่เมืองมะดีนะฮ์ จึงต้องเดินทางมายังอิรักพร้อมกับอิมามฮะซัน (อ.) และขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลุกขึ้นต่อสู้และหยุดพวกเขาเหล่านั้น กล่าวคือ ฏอลหะฮ์ ซุเบร และพระนางอาอิชะฮ์ ดังนั้นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อิมามอาลี (อ.) มายังอิรักคือทำลายล้างบะนีอุมัยยะฮ์ที่ใช้ซอฮาบะฮ์บางคนเป็นหุ่นเชิด และอิมามอาลี (อ.) เข้าสู่เมืองกูฟะฮ์หลังจากสงครามญะมัล
ข. ขอบคุณการยืนหยัดต่อสู้ชาวกูฟะฮ์: อีกเหตุผลหนึ่งคือชาวกูฟะฮ์ให้การช่วยเหลืออิมามอาลี (อ.) และอิมามได้เลือกให้เมืองกูฟะฮ์เป็นเมืองศุนย์กลางการปกครองเพื่อขอบคุณชาวกูฟะฮ์
ค. ควบคุมมุอาวียะฮ์: เหตุผลอีกประการหนึ่งคือระยะทางระหว่างเมืองกุฟะฮ์กับเมืองชามนั้นไม่ไกลมากนัก และอิมามต้องการให้มุอาวียะฮ์อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด และอิมามฮะซัน (อ.) ก็พำนักอยู่ในเมืองกูฟะฮ์ตั้งแต่ปีฮิจเราะฮ์ที่ 40 ที่อิมามอาลี (อ.)เป็นชะฮาดัตในเมืองกูฟะฮ์ ซึ่งช่วง 10 ปี ของระยะเวลาการขึ้นปกครองของอิมามฮะซัน (อ.) นั้นท่านได้อาศัยอยู่ในเมืองกูฟะฮ์ระยะหนึ่งและกลับสู่เมืองมะดีนะฮ์อีกช่วงระยะหนึ่ง
วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองและสังคมยุคอิมามฮะซัน อัลมุจตะบา (อ.)
อิมามฮะซัน อัลมุจตะบา (อ.) ขึ้นดำรงตำแหน่งอิมามหลังจากการเป็นชะฮาดัตของอิมามอาลี (อ.) ในปี ฮ.ศ.ที่ 40 เป็นยุคที่ดินแดนอิสลามครอบคลุมถึงอิรัก ชาม ฮิญาซ เยเมน อียิปต์และอิหร่านบางส่วน อิมามฮะซัน (อ.) รู้ถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคอิมามอาลี (อ.)เป็นอย่างดี ซึ่งเกิดสงครามขึ้นสามสงครามสำคัญและสงครามหลักนั้นเกิดขึ้นในอิรัก ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อิมามอาลี (อ.) ต้องเข้าสู่อิรักคือปราบปรามพวกนากิษีนในสงครามญะมัลและพวกกอสิฏีนในสงครามซิฟฟีน และอิมามฮะซัน (อ.) ก็เข้าร่วมในสงครามกับพวกคอวาริจอีกด้วย ดังนั้นในยุคการปกครองของท่านก็ยังพวกเหล่านี้หลงเหลืออยู่คอยสร้างปัญหาและความแตกแยกขึ้นในสังคม
ปัญหาและอุปสรรคด้านการปกครองในยุคอิมามฮะซัน (อ.)
ก. มุอาวิยะฮ์อ้างตำแหน่งคอลีฟะฮ์เหนือบรรดามุสลิม: หนึ่งในปัญหาหลักในยุคอิมามฮะซัน (อ.) คือ มุอาวิยะฮ์อ้างตนเป็นคอลีฟะฮ์และตั้งตนเป็นอะมีรุลมุมินีนทว่าเลวร้ายไปกว่านั้นคือวางรากฐานระบบกษัตริย์ขึ้น เมื่อมุอาวิยะฮ์รู้ข่าวว่าอิมามฮะซัน (อ.) ขึ้นดำรงตำแหน่งอิมามต่อจากอิมามอาลี (อ.) เขาก็เริ่มวางกลอุบายเพื่อเผชิญกับอิมามฮะซัน(อ.)ในทันที
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าเขาได้เตรียมกำลังพลไว้ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นคนในช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้นเองชะฮีดมุฏอฮารีย์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า:
เบื้องต้นที่อิมามฮะซัน (อ.) ขึ้นดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ มุอาวิยะฮ์ก็อยู่ในฐานะผู้ปกครองคนหนึ่ง (ดูเหมือนว่าเขาเองยังไม่เรียกตนเองว่าคอลีฟะฮ์และอะมีรุลมุมินีน) ในยุคอิมามอาลี (อ.) เขาทำเป็นว่าตนเองเป็นผู้ท้วงติงและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับการลอบสังหารท่านอุษมานโดยอ้างว่าอิมามอาลี (อ.)มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นคอลีฟะฮ์ ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่อ้างตนว่าเป็นคอลีฟะฮ์ และผู้คนก็ยังไม่เรียกเขาว่าอะมีรุลมุมินีน ในยุคที่อิมามฮะซัน (อ.)ขึ้นดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ มุอาวิยะฮ์มีอำนาจบาดใหญ่เป็นอย่างมาก กระทั่งเป็นเหตุให้เกิดความอ่อนแอภายในการปกครอง ถึงขนาดที่มีบันทึกว่าหลังจากการเป็นชะฮาดัตของอิมามอาลี (อ.) ผ่านไปเพียงสิบเจ็ดวัน (ข่าวจากกูฟะฮ์ไปถึงยังเมืองชามอย่างรวดเร็ว)มุอาวิยะฮ์ก็ได้จัดเตรียมกำลังพลเพื่อพิชิตอิรักแล้ว(ซีรีดัร ซิเระฮ์ อะอิมมะฮ์)
เช่นนั้นอิมามฮะซัน (อ.)ขึ้นกล่าวปราศรัย(คุฏบะฮ์) อย่างเผ็ดร้อนเพื่อให้ผู้คนช่วยเหลือท่านในการนี้ แต่ผู้คนไม่ตอบรับได้แต่นิ่งเงียบ ประวัติศาสตร์บันทึกว่ามีเพียงหมื่นกว่าคนเท่านั้นที่ให้การช่วยเหลือท่าน
เมืองกูฟะฮ์คือเมืองหน้าด่านทางทหารย่อมมีกองกำลังนับแสนคนที่ให้การช่วยเหลือ แต่เหตุใดจึงมีเพียงหมื่นสองพันคนเท่านั้น?
ก. ขาดจิตวิญญาณแห่งการญิฮาด: ชาวกูฟะฮ์เหนื่อยล้าจากการทำสงคราม หลังจากทำสงครามซิฟฟีน สงครามญะมัลและสงครามอื่นๆ มาแล้ว แน่นอนว่าความเหนื่อยล้าจากสงครามนั้นไม่อาจนำมาเป็นข้ออ้างที่ถูกต้องได้เลย
ข. แสวงหาผลประโยชน์: ชาวกูฟะฮ์เริ่มแสวงหาผลประโยชน์เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและสุขสบาย และผู้คนเห็นว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาทำสงครามและสู้รบกับมุอาวิยะฮ์ ยิ่งไปกว่านั้นมุอาวิยะฮ์ได้กระจายข่าวออกไปให้ผู้คนเห็นว่าเขาเป็นคนดีและมีความสามารถในการปกครอง
ทำไมชาวอิรักจึงเพิกเฉยจากคำกล่าวปราศรัยที่เผ็ดร้อนของอิมามฮะซัน (อ.)?
คำตอบเดียวคือชาวอิรักวิเคราะห์การเมืองว่าแม้มุอาวิยะฮ์จะไม่ดีพร้อมแต่ก็เป็นนักการเมืองที่เก่ง อีกด้านหนึ่งมุอาวิยะฮ์ก็ฉายภาพว่าตนเป็นผู้เคร่งศาสนา ร่วมนมาซญะมาอัต ในยุคที่เกิดฟิตนะฮ์เช่นนี้เป็นการยากที่ประชาชนทั่วไปจะแยกแยะระหว่างสัจธรรม(ฮัก)กับโมฆะ(บาฏิล)ได้ ถือได้ว่ายุคอิมามฮะซัน (อ.) เป็นยุคที่ยากลำบากที่สุดของยุคสมัยต่างๆ ของบรรดาอิมามเลยที่เดียว เงื่อนไขทางการเมืองและสังคมในยุคของท่านนั้นหนักอึ้งและยากลำบากยิ่งกว่ายุคของอิมามอาลี (อ.) แม้กระทั่งยุคของอิมามฮุเซน (อ.) ด้วยซ้ำ
ในเหตุการณ์กัรบะลายะซีดประจันหน้ากับอิมามฮุเซน (อ.) หลังจากที่ผู้คนผ่านยุคการปกครองของมุอาวิยะฮ์และเห็นธาตุแท้ของมุอาวิยะฮ์แล้วและธาตุแท้ของยะซีดก็เป็นที่ชัดเจนสำหรับผู้คน แต่ในยุคของอิมามฮะซัน (อ.) ไม่ใช่เช่นนี้เลย ผู้คนเห็นอิมามฮะซัน(อ.) นมาซ ไปทำฮัจญ์ ขณะเดียวกันก็เห็นมุอาวิยะฮ์นมาซและไปทำฮัจญ์ เห็นภาพลักษณ์ภายนอกอิสลามที่สวยงามจากมุอาวิยะฮ์ แม้กระทั่งวังของมุอาวิยะฮ์ก็เป็นสีเขียว แม้กระทั่งเรื่องนี้มุอาวิยะฮ์ก็ใช้เป็นสื่อในการฉายภาพให้เห็นว่าเขาปฏิบัติตามท่านศาสดามุฮัมหมัด (ศ็อลฯ) นี่อิมามฮะซัน (อ.) ตกอยู่ในสภาพสถานการณ์เช่นนี้
เหตุใดอิมามฮะซัน (อ.) จึงไม่อนุญาตให้เพิกเฉยต่อการเผชิญกับมุอาวิยะฮ์ ทั้งที่มุอาวิยะฮ์พยายามรักษาภาพลักษณ์ภายนอกของอิสลามไว้ได้เป็นอย่างดี?
มุอาวิยะฮ์เป็นผู้ริทำอุตริกรรม (บิดอะฮ์)ขึ้นในอิสลาม เช่น
1. อนุญาตให้มีการกินดอกเบี้ย
แม้แต่อะบูดัรดาอ์ ผู้พิพากษาของเขายังท้วงติงมุอาวิยะฮ์ในเรื่องนี้
2.ยกเลิกการลงโทษ(ฮุดูด)
เขาไม่ดำเนินคดีและลงโทษผู้ที่ขโมย
3.เปลี่ยนบทบัญญัติบบางประการของพิธีฮัจญ์
มุอาวิยะฮ์ใส่น้ำหอมในขณะทำพิธีฮัจญ์
4. มุอาวิยะฮ์คุฏบะฮ์วันอีดก่อนนมาซอีด และรูปแบบนี้ก็ปฏิบัติกันต่อเนื่องในยุคบะนีอุมัยยะฮ์
5. มุอาวิยะฮ์สวมใส่ผู้ไหมที่เป็นฮะรอมสำหรับบุรุษ
6. ใช้ภาชนะทองคำในการกินดื่ม
7. สาปแช่งอิมามอาลี (อ.) ในคุฏบะฮ์นมาซ
8. สร้างฮะดีษขึ้นอย่างมากมาย
บิดอะฮ์เหล่านี้ได้แพร่หลายในสังคมกระทั่งมุอาวิยะฮ์นมาซวันศุกร์ในช่วงกลางสัปดาห์ก็ไม่มีผู้ใดท้วงติง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเคยชินและความคิดของผู้คนที่เปลี่ยนไป อ่อนแอจนกระทั่งไม่อาจวิเคราะห์และแยกแยะอะไรได้เลย
อิมามฮะซัน(อ.) รับมือในการเผชิญกับกองกำลังนันแสนคนของมุอาวิยะฮ์อย่างไร?
อิมามฮะซัน(อ.)ได้ลุกขึ้นต่อสู้อย่างแข็งขันโดยได้กำชับกองกำลังของท่านว่าให้สะกัดกองกำลังของมุอาวิยะฮ์และแจ้งข่าวแก่อิมามเพื่อประสานกับกองกำลังหลัก
อุบัยดิ้ลลาฮ์บินอับบาสได้นำพลภายใต้บัญชาการของตนออกไปกระทั่งได้ปะทะกับกองกำลังของมุอาวิยะฮ์ที่เมือง “มัสกัน” จึงได้ตั้งค่ายกันที่นั่น ไม่นานนักอิมามฮะซัน (อ.) ได้รับข่าวว่า อุบัยดิ้ลลาฮ์ รับเงินจำนวนหนึ่งล้านดิรฮัมจากมุอาวิยะฮ์ แล้วนำไพร่พลของตนแปดพันคนเข้าร่วมกับกองกำลังของมุอาวิยะฮ์
การทรยศของแม่ทัพระดับแถวหน้าย่อมทำให้เหล่าทหารอ่อนแอและเสียขวัญกำลังใจและทำให้ระบบทางทหารของอิมามต้องสั่นคลอนแต่เกสบินสะอ์ดสาวกผู้กล้าหาญและมีศรัทธาต่อครอบครัวของอิมามอาลี (อ.) อย่างมาก ได้นำทัพต่อไปตามคำสั่งของอิมามฮะซัน (อ.) เขาขึ้นกล่าวปราศรัยจนเรียกขวัญและกำลังใจกลับคืนมาได้อีกครั้ง มุอาวิยะฮ์ต้องการจะซื้อตัวเกส บิน สะอ์ดแต่เขาไม่หลงกลและยืนหยัดต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยว
มุอาวิยะฮ์ไม่หยุดอยู่เพียงการซื้อตัวอุบัยดิ้ลลาฮ์เท่านั้นทว่าเขาได้ส่งสายลับเข้าไปสอดแนมและสร้างความขัดแย้งและข่าวโคมลอยต่างๆขึ้นในกองทัพของอิมามฮะซัน (อ.) ว่า เกส บิน สะอ์ด ได้ประนีประนอมกับมุอาวิยะฮ์แล้วและอิมามฮะซัน (อ.) ได้ทำสนธิสัญญากับมุอาวิยะฮ์แล้ว!!
มุอาวิยะฮ์ส่งคนของตนที่ผู้คนทั่วไปยอมรับเข้าพบอิมามฮะซัน (อ.)ในค่าย มะดาอิน หลังจากออกจากค่ายพวกเขาได้กระจ่ายข่าวเท็จว่าอัลลอฮ์ได้ทำให้สงครามสงบลงด้วยบุตรของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ฮะซัน บิน อาลี (ออ.) ได้ทำสนธิสัญญาสงบศึกกับมุอาวิยะฮ์เพื่อปกป้องเลือดเนื้อของประชาชนแล้ว !! ทำให้เกิดผู้ที่ไม่เห็นด้วยและต่อต้านอิมามฮะซัน (อ.) กระทั่งได้บุกกระโจมของอิมาม(อ.)เพื่อจะสังหารอิมาม (อ.) ความขัดแย้งและความแตกแยกเกิดขึ้นทั่วสารทิศ
การจำยอมทำสนธิสัญญา
ท้ายที่สุดอิมามฮะซัน (อ.) ต้องจำยอมทำสนธิสัญญากับมุอาวิยะฮ์ เมื่อเห็นแล้วกองกำลังของมุอาวิยะฮ์กำลังประชิดเข้ามาผนวกกับสถานการณ์ต่างๆกดดันอิมามจนไม่เหลือหนทางใดนอกจากการจำยอมทำสนิธิสัญญา
ข้อตกลงต่างๆ ในสนธิสัญญา
1.การปกครองของมุอาวิยะฮ์ต้องวางอยู่บนสารธรรมคำสอนของอัลกุรอานและซุนนะฮ์ท่านศาสดา
2.หลังจากมุอาวิยะฮ์ การปกครองต้องเป็นของ ฮะซัน บิน อาลี
3. มุอาวิยะฮ์ต้องยกเลิกการสาปแช่งอิมามอาลี (อ.) และกล่าวแต่ความดีงามของท่าน
4. เงินบัยตุลมานที่กองคลังกว่าห้าล้านดิรฮัมจะไม่ถูกมอบให้แก่มุอาวิยะฮ์
5.ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ชาม อิรัก ฮิญาซ เยเมน อิหร่าน และ… ต้องได้รับการคุ้มครองและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
เกิดคำถามขึ้นตรงนี้ว่าจากประสบการตลอดระยะเวลาห้าสิบปีที่ผ่านมาอิมามฮะซัน (อ.) รู้ดีว่ามุอาวิยะฮ์ต้องไม่ทำตามข้อตกลงนี้อย่างแน่นอน แต่ทำไมยังทำข้อตกลงในสนธิสัญญาอีก ชะฮีดมุฏอฮารีย์ กล่าวว่า เป็นการปูทางสู่การลุกขึ้นต่อสู้ของอิมามฮุเซน (อ.) ต่อไป
อิมาม(อ.) ทำตามหน้าที่ให้เป็นที่ประจักษ์ตามหลักการศาสนา ตามแบบฉบับของท่านศาสดามุฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ในการทำสนธิสัญญาสันติภาพฮุดัยบียะฮ์ หลังจากทำสนธิสัญญาแล้วอิมามฮะซัน (อ.) ก็รีบเดินทางกลับเมืองมะดีนะฮ์ทันที